พระครูสมุทรคุณากร ( หลวงปู่นิน ) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ ที่ดำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
มารดาชื่อ นาง ส่วนบิดาไม่ทราบชื่อ มีอาชีพในการค้าขายน้ำปลา โดยใช้เรือเป็นพาหนะล่องไปขายถึงจังหวัด
สุพรรณบุรี หลังจากบิดาของท่านถึงแก่กรรมลง ครอบครัวของท่านซึ่งมีน้องสาวอยู่อีกคนหนึ่ง ได้อพยพครอบครัวมา
จากบ้านบ่อ มาอยู่ที่ปากคลองมหาชัย และท่านได้ประกอบอาชีพรับจ้างทำน้ำปลาเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด
เมื่ออายุครบอุปสมบท จึงได้อุปสมบท ที่วัดตึก โดยมีพระอุปัชฌาย์ ศรี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากที่ได้อุปสมบทครบ ๑ พรรษาก็ได้ลาสิกขาบท ออกมาประกอบอาชีพตามเดิม พร้อมกับได้มีครอบครัวกับหญิง
สาวอันเป็นคนปากคลองมหาชัยนั่นเอง แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน
    หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตครองเรือนประมาณสามปีเศษ ท่านได้สละชีวิต ฆราวาสอีกครั้งเข้ารับการอุปสมบท ที่วัดตึก 
โดยพระอุปัชฌาย์องค์เดิม ในการอุปสมบทครั้งนี้ ท่านได้บอกกับภรรยาของท่านว่าจะอุปสมบทเพียง ๑ พรรษา
เท่านั้น ซึ่งภรรยาได้จัดทำสำรับคาวหวานมาถวายเป็นประจำ จนพรรษาที่๑ ผ่านไปเข้าพรรษาที่๒ ท่านจึงได้กล่าว
กับภรรยาท่านว่า ท่านจะขอตายในผ้าเหลืองแล้ว การอุปสมบทครั้งนี้ อยู่ในราวปี พ.ศ. ๒๔๒๓ขณะนั้นท่านมีอายุ
๒๘ ขณะที่ท่านครองเพศบรรพชิตนั้น ท่านได้ช่วยเหลืองานของพระอุปัชฌาย์ทุกๆอย่างจนทำให้พระครูสมุทรคุณากร
(ชื่น )วัดใหญ่จอมปราสาท อดีตเจ้าคณะจังหวัด กล่าวชมความดีของท่าน จนได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรม
ของท่าน ที่ พระสมุห์ นิน   จนเมื่อปีพ.ศ.๒๔๓๕ พระอุปัชฌาย์ ศรี ได้มรณภาพลง ท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
แทน   และหลังจากที่ พระครูสมุทรคุณากร( ชื่น ) วัดใหญ่จอมปราสาท ได้มรณภาพลงเช่นกัน พระยาภักดี (แก้ว)
ซึ่งในสมัยนั้นมีตำแหน่งสำคัญในกองสังฆการี(ปัจจุบันคือ กรมศาสนา ) ทราบคุณงามความดีของท่านพระสมุห์ นิน
จึงได้แต่งตั้งให้ท่านนั้น ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร อีก ๑ ตำแหน่งด้วย
  และในการครั้งนี้ ท่านได้แต่งตั้ง เจ้าคณะแขวงไว้ดังนี้ คือ
   ๑. พระครูธรรมสาคร (แก่น ) วัดช่องลม เป็นเจ้าคณะแขวงเมือง
   ๒. พระครูเทศ วัดใหญ่บ้านบ่อ เป็นเจ้าคณะแขวงบ้านบ่อ
   ๓. พระครูนิ่ม วัดกำแพงสถิตย์ ( วัดสุนทรสถิต) เป็นเจ้าคณะแขวงกระทุ่มแบน
       ในขณะที่ท่านนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัดนั้น วัดตึกได้มีความเจริญทางศาสนาเป็นอย่างมาก
มีประชาชนเคารพเสื่อมใสเป็นอันดี เพราะขณะนั้นท่านได้เปิดเป็นสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วย มีชาวบ้านมาศึกษา
เป็นจำนวนมาก ท่านได้มรณภาพลงเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗ 
 

lineth_bar.gif
  อ่านต่อ   กลับหน้าแรก